ภารกิจของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในการจบฤดูกาลด้วยตำแหน่งรองแชมป์เจอทางตันซะแล้ว หลังจากพ่ายให้กับ เอฟเวอร์ตัน ไป 1-0 ที่ กูดิสัน พาร์ค เมื่อคืนวันพุธ ที่ผ่านมา
ไม่เพียงแค่พ่ายแพ้ 2 นัดติดต่อกันในการเล่นเป็นทีมเยือน หลังจากพวกเขาแพ้ นอริช ซิตี้ ไป 2-0 เมื่อ 10 วันที่แล้ว เท่านั้น พวกเขายังต้องจบเกมด้วยการเหลือผู้เล่นเพียง 9 คนในสนาม หลังจาก แกรี่ เนวิลล์ และ พอล สโคลส์ ถูกไล่ออกในครึ่งหลังที่เต็มไปด้วยเรื่องราว น่าแปลกที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่เคยมีผู้เล่นถูกไล่ออกในเกมลีก ที่พบกับ เอฟเวอร์ตัน เลย จนกระทั่งเมื่อคืนนี้
ดันแคน เฟอร์กูสัน ทำประตูชัยให้ เอฟเวอร์ตัน ได้หลังจากเริ่มครึ่งหลังไป 10 นาที เพื่อสิ้นสุดการรอคอยอันยาวนานที่พวกเขาต้องการเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้ได้
ขณะนี้ ทีมปีศาจแดง ตามหลัง อาร์เซนอล อยู่ 4 คะแนน และความหวังที่จะคว้าตำแหน่งอันดับที่ 2 ดูเลือนลางลงไป
หากมองในทางที่ดี เกมนี้เป็นเกมที่ยอดเยี่ยม เล่นกันอย่างเต็มที่ ในบรรยากาศที่ชวนให้ระลึกถึงการเผชิญหน้ากันในอดีตของ 2 สโมสรที่ยิ่งใหญ่นี้
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มีการเปลี่ยนแปลงในทีมที่พบกับนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ในเกมรอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ที่ มิลเลนเนียม สเตเดี้ยม เพียงตำแหน่งเดียว
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ ซึ่งได้ลงเล่นเป็นตัวสำรองในเกมนั้น ได้เป็นตัวจริงแทน ควินตัน ฟอร์จูน ซึ่งหลุดไปเป็นตัวสำรอง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังทำสถิติเหลือเชื่อโดยไม่แพ้ให้กับ เอฟเวอร์ตัน เป็นนัดที่ 21 ติดต่อกัน ปีศาจแดงชนะมาแล้ว 18 นัด และเสมอ 2 นัดในเกมพรีเมียร์ชิพ 20 นัดก่อนหน้านี้ที่พบกับท็อฟฟี่สีน้ำเงิน
บรรยากาศใน กูดิสัน พาร์ค น่าตื่นเต้นมาก เมื่อเริ่มเกมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ด้านประตูฝั่งปาร์คเอนด์ กองเชียร์เอฟเวอร์โตเนี่ยนส่งเสียงดังสนั่นเพื่อกระตุ้นทีมของพวกเขา ซึ่งตั้งเป้าหมายไว้ที่ 4 อันดับแรกของพรีเมียร์ชิพ เพื่อได้เล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า
และแฟนบอลได้รับสิ่งตอบแทนที่พวกเขารอคอย โดย เอฟเวอร์ตัน เดินเกมรุกบุกหนักตั้งแต่ต้นเกม
เวย์น รูนี่ย์ เป็นเป้าหมายของการโห่ฮาจากกองเชียร์ใน กูดิสัน พาร์ค ในแต่ละครั้งที่เขาสัมผัสบอล แต่เขาแทนที่จะกังวลกับเสียงโห่ กลับเล่นอย่างสนุกไปกับสภาพแวดล้อม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล่นโต้ตอบในทุกๆ โอกาสที่เกมบุกจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่ง กาเบรียล ไฮน์เซ่ ส่องจากกรอบเขตโทษในนาทีที่ 17 บอลพุ่งข้ามมุมประตูออกไป
เอฟเวอร์ตัน มีโอกาสบ้างจาก ทิม คาฮิลล์ จากการยิงจักรยานอากาศอย่างยอดเยี่ยม แต่ เวส บราวน์ บล็อคจากเส้นประตูเอาไว้ได้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งกองเชียร์ของ กูดิสัน และกองเชียร์ปีศาจแดง ที่อยู่บนอัฒจันทร์ฝั่งบูลเลนส์โรด ได้ชมเกมครึ่งแรกระหว่าง เอฟเวอร์ตัน และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สุดยอดเกมหนึ่ง ที่พวกเขาไม่ได้เห็นมานาน
ก่อนหมดครึ่งแรก 4 นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีโอกาสงามที่จะได้ประตูขึ้นนำ โอกาสเป็นของ พอล สโคลส์ ซึ่งได้บอลจากการผ่านอันพอเหมาะพอดีจาก รูนี่ย์ มีเพียง ไนเจล มาร์ติน ผู้รักษาประตูของ เอฟเวอร์ตัน เท่านั้นที่ขวางระหว่าง สโคลส์ และประตู และอดีตผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมในการบล็อคการยิงเลียดของ สโคลส์
ไม่มีการผ่อนเกมจากเจ้าบ้าน เมื่อพวกเขายังคงรักษาผลงานอันทรงพลังจากครึ่งแรกเอาไว้
10 นาทีหลังจากพักครึ่ง สนามก็แทบจะถล่มทลาย เมื่อ ดันแคน เฟอร์กูสันโหม่งทำประตูให้ เอฟเวอร์ตัน ขึ้นนำ มิเกล อาร์เตต้า ผ่านบอลจากลูกฟรีคิกจากทางซ้ายไปที่เขตโทษ และกองหน้าร่างยักษ์ชาวสก็อตพุ่งตัวโหม่งบอลผ่าน ทิม โฮเวิร์ด เข้าไป
เขาคือผู้เล่นคนเดียวกันที่เคยโหม่งประตูชัยให้กับ เอฟเวอร์ตัน เอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปได้ครั้งล่าสุดในเกมพรีเมียร์ชิพเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เผชิญกับการต้องกลับคืนสู่เกมให้ได้ และภารกิจนั้นก็ทำได้ยากยิ่งขึ้นไปอีก โดยในนาทีที่ 72 แกรี่ เนวิลล์ ได้รับใบแดงจากผู้ตัดสิน ฟิล ดาวด์ โดยไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย มันไม่ชัดเจนในสิ่งที่เขากระทำผิดลงไป แต่ผู้ตัดสินได้ตัดสินใจโดยไม่ลังเลที่จะไล่ผู้เล่นหมายเลข 2 ของปีศาจแดง เข้าห้องแต่งตัวไป
เมื่อเหลือ 10 คนและกำลังเผชิญกับการพ่ายแพ้นัดที่ 2 ติดต่อกันในการเป็นทีมเยือนในลีก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อสู้เพื่อกู้คืนบางอย่างมาให้ได้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตั้งเกมบุกขึ้นไปเพื่อทำประตูตีเสมอ จอห์น โอเชีย ได้โหม่ง แต่ก็ถูกเคลียร์ออกจากเส้นประตูโดย โทนี่ ฮิบเบิร์ต หลังจากนั้นกองเชียร์เอฟเวอร์โตเนี่ยนต้องกลั้นหายใจเมื่อ รูนี่ย์ ยิงจากระยะ 20 หลา บอลพุ่งตรงและแรง แต่ มาร์ติน ยังคงป้องกันไว้ได้ และโอกาสสุดท้ายของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็หมดไป
อย่างไรก็ตาม เรื่องยังไม่ได้จบลงซะทีเดียว ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องเหลือผู้เล่นเพียง 9 คน หลังจาก พอล สโคลส์ โดนไล่ออกจากการได้รับใบเหลืองใบที่ 2 มันไม่ใช่คืนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาซะเลย (คำบรรยายโดย DaKinG)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เอฟเวอร์ตัน
ไนเจล มาร์ติน 25
โทนี่ ฮิบเบิร์ต 22 ( น. 58)
สตีฟ วัตสัน 2
เดวิด เวียร์ 5
โจเซฟ โยโบ 20
มิเกล อาร์เตต้า 6 ( น. 27)
ทิม คาฮิลล์ 17
ลี คาร์สลี่ย์ 26
เควิน คิลเบน 14
มาคุส เบนท์ 7
ดันแคน เฟอร์กูสัน 10 ( น. 52) ( น. 55)
สำรอง
ริชาร์ด ไรท์ 1
ลีออน ออสแมน 21 น. 76 มาคุส เบนท์ 7
เจมส์ บีทตี้ 8 น. 80 ดันแคน เฟอร์กูสัน 10
เจมส์ แม็คฟาดเด้น 11 น. 86 ทิม คาฮิลล์ 17
เจมส์ วอห์น 31
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ทิม โฮเวิร์ด 1
เวส บราวน์ 6
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5
กาเบรียล ไฮน์เซ่ 4
แกรี่ เนวิลล์ 2 ( น. 72)
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
รอย คีน 16
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7 ( น. 89)
พอล สโคลส์ 18 ( น. 33) ( น. 90)
รุด ฟาน นิสเตลรอย 10
สำรอง
รอย คาร์โรลล์ 13
จอห์น โอเชีย 22 น. 76 ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
มิเกล ซิลแวสตร์ 27 น. 72 เวส บราวน์ 6
ควินตัน ฟอร์จูน 25
อลัน สมิธ 14
สถิติของเกม
เอฟเวอร์ตัน ยิงประตู 1, ลูกยิงตรงกรอบ 2, ลูกยิงหลุดกรอบ 5, ลูกยิงโดนบล็อค 1, เตะมุม 4, ฟาวล์ 21, ล้ำหน้า 1, ใบเหลือง 3, การครองบอล 34.7%
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลูกยิงตรงกรอบ 6, ลูกยิงหลุดกรอบ 7, ลูกยิงโดนบล็อค 5, เตะมุม 5, ฟาวล์ 19, ล้ำหน้า 2, ใบเหลือง 1, ใบแดง 2, การครองบอล 65.3%
คะแนนความสามารถ
เอฟเวอร์ตัน ไนเจล มาร์ติน 7, โทนี่ ฮิบเบิร์ต 8, โจเซฟ โยโบ 7, เดวิด เวียร์ 8, สตีฟ วัตสัน 6, ลี คาร์สลี่ย์ 6, มาคุส เบนท์ 6, มิเกล อาร์เตต้า 6, ทิม คาฮิลล์ 7, เควิน คิลเบน 7, ดันแคน เฟอร์กูสัน 8, เจมส์ บีทตี้ (สำรอง) 7, เจมส์ แม็คฟาดเด้น (สำรอง) 5, ลีออน ออสแมน (สำรอง) 6
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทิม โฮเวิร์ด 5, แกรี่ เนวิลล์ 5, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 7, เวส บราวน์ 6, กาเบรียล ไฮน์เซ่ 7, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 5, รอย คีน 6, พอล สโคลส์ 5, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 6, เวย์น รูนี่ย์ 8, รุด ฟาน นิสเตลรอย 5, จอห์น โอเชีย (สำรอง) 5, มิเกล ซิลแวสตร์ (สำรอง) 5
Por